วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรียนคำศัพท์แบบมืออาชีพ

เทคนิคการเรียนคำศัพท์ด้วยตัวเองที่เวิร์คมากๆ (และจะขอกล่าวถึงอีกครั้งกับตัวอย่างที่แตกต่างกันออกไป) นั่นก็คือ การจำคำศัพท์เป็นกลุ่มๆ ที่มีความหมายคล้ายกัน พร้อมความหมายอธิบายความแตกต่าง และยกตัวอย่างประโยคไว้ด้วย เช่น 
1. adapt (v) ดัดแปลง หรือปรับเปลี่ยน ปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการหรือสิ่งแวดล้อม 
- I have to adapt my plan to fit his schedule.
- The novel was adapted for a film.
2. adjust (v) คือการค่อยๆปรับทีละนิดเพื่อให้เหมาะสม 
- Please adjust the seat to fit you.
- You can adjust this desk to the height of any child.
3. develop (v) พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
- Some people in developed countries didn't care much about the environment.
developed countries = ประเทศที่พัฒนาแล้ว
4. improve (v) ปรับปรุงให้ดีขึ้นเพราะว่าสิ่งนั้นยังไม่ดีเท่าที่ต้องการ
- I want to improve my English pronunciation.
-The only way to improve my Japanese was by living in Japan for a while.


ตัวอย่างต่อมา
1. earth (n.) = โลก ในฐานะดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเป็นดินแดนที่มนุษย์อาศัยอยู่ รวมถึงพื้นดิน พื้นโลกในทางภูมิศาสตร์
earth revolves around the Sun.
*สำนวน down-to-earth หมายถึงคนที่ไม่ถือตัว ติดดิน อยู่ในโลกของความเป็นจริง

2. globe (n.) = โลก ที่มักจะใช้ในความหมายของลูกโลก เน้นที่รูปทรงกลมของโลก หรืออาจหมายถึงแผนที่โลก
We can study the geology from the globe.
*สำนวน globe-trotting คนที่เดินทางรอบโลกบ่อยครั้ง
3. world (n.) = โลกที่เน้นในแง่ความเป็นอยู่หรือการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ สังคมโลก และโลกทัศน์
In 1939, as in 1914, the world was on the brink of war.
Although the phrase 'world peace' sounds attractive, the road to world peace is very long and full of troubles.
*สำนวน to be on the top of the world หมายถึง มีความสุขสุดๆ หรือประสบความสำเร็จอย่างสูง



วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ขอโทษ (ในกรณีที่เราทำผิด หรือเสียใจ) ในภาษาอังกฤษ ใช้ได้ทั้ง I am sorry หรือ I apologize แล้วมันต่างกันอย่างไรล่ะ 
จริงๆแล้วใช้ในความหมายเดียวกัน แต่ grammar ต่างกัน 
"Sorry" เป็น adjective (คำคุณศัพท์) จึงตามหลัง verb to be" 
"Apologize" เป็น verb (คำกริยา) จึงใช้ตามหลังประธานของประโยคได้เลยค่ะ ดังนั้นพูดขอโทษเป็นภาษาอังกฤษว่า 
I am sorry. หรือ I apologize. ค่ะ 
ส่วน Excuse me, ใช้สำหรับขออนุญาตก่อนทำอะไร เช่นขอทาง สั่งอาหารหรือถามเรื่องต่างๆ นั่นเองค่ะ เช่น Excuse me, could I have a glass of water please? แปลว่า ขอโทษนะคะ ขอน้ำแก้วนึงค่ะ
การตอบ "yes" ในภาษาอังกฤษนั้น สามารถตอบได้หลายอย่างเลยค่ะ ลองดูตัวอย่างนะคะว่ามีอะไรบ้าง 
เริ่มจากแบบที่ admin ชอบมากเป็นการส่วนตัว และใช้บ่อยที่สุด นั่นก็คือ
sure กับ of course แปลว่า ใช่,แน่นอน 
และนอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ absolutely, certainly, definitely or totally ซึ่งแปลว่า อย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน 
หรือถ้าเค้าพูดโดนใจก็ตอบไปเลยว่า right! หรือ exactly! ซึ่งแปลว่า ถูกต้องนะคร๊าบบบบ

expression

เริ่มบทเรียนในวันนี้กันเลยกับ คำว่า "expression" นั่นก็หมายถึงสำนวนนั่นเอง English Expression หรือสำนวนอังกฤษที่น่าสนใจวันนี้ Admin ขอนำเสนอ 
1. “Twenty-four Seven” มันหมายถึงอะไรยังไงกัน ก็มาจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ในทุกชั่วโมงของแต่ละวัน ซึ่งก็คือตลอดเวลานั่นเองค่ะ
2. “Give me a hand.” อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาขอมือคุณนะคะ “Would you give me a hand?” ถ้าใครพูดแบบนี้กับคุณ หมายความว่า เขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณแล้วล่ะค่ะ หมายถึง คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม
3. “I’m broke.” สำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่าส่วนใดของร่างกายหักหรือเสียนะคะ แต่หมายถึง “ถังแตก” หรือ เงินหมด ไม่มีเงินแล้วววว! นั่นเองค่ะ
"The best way to predict the future is to create it."
"ทางที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคต คือ สร้างมันขึ้นมาเอง"
create เป็น คำกริยา (verb) แปลว่า สร้าง ในลักษณะของการสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งต่างๆขึ้นมาก แล่้ว คำว่า creative ล่ะ คำนี้เป็น คำคุณศัพท์ (adjective) ค่ะ จะใช้ขยายคำนาม เช่น an creative idea หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์ ( idea เป็น noun = ความคิด)
ส่วน creativity เป็นคำนาม (noun) แปลว่า ความสามารถในการสร้างสรรค์นั่นเอง
create (verb) = สร้าง
creative (adj) = สร้างสรรค์
creativity (noun) = ความสามารถในการสร้างสรรค์

"It's better to walk alone, than with a crowd going in the wrong direction." - เดินตามลำพังดีกว่าเดินไปกับฝูงชนที่กำลังเดินผิดทาง
It's better to give than to receive. -เป็นผู้ให้ ดีกว่าเป็นผู้รับ
It's better to......, than...........................
ลองใช้รูปประโยคนี้ในการพูดอังกฤษดูค่ะ
และที่สำคัญต้องรู้จักตัวเอง และเป็นตัวของตัวเองค่ะ ทางที่เหมาะกับเรา อาจจะไม่ใช่ทางที่คนส่วนใหญ่กำลังเดินไปก็ได้นะ

บอกความชอบอย่างไรได้บ้าง

ฝึกพูดอังกฤษวันนี้เกี่ยวกับการบอกความรู้สึกว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ อะไรก็ตาม นอกจากจะบอกว่า
I like ….. หรือ I don’t like…ยังมีประโยคอื่นๆที่พูดแล้ว cool !หรือ เจ๋งกว่านั้น จำไปใช้กันได้เลยค่ะ
เช่น นอกจาก I like learning English – อาจใช้ว่า
I am interested in learning English.
I am passionate about learning English. (อันนี้ชอบมากสุดๆๆ)
I am into learning English.
I enjoy learning English
เป็นต้นนะคะ ซึ่งฝรั่งเจ้าของภาษาเค้าจะใช้ประโยคแบบนี้มากกว่าแค่ I like… ค่ะ
แล้วถ้าไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษบ้างล่ะ นอกจากบอกว่า I don’t like learning English.
ก็สามารถใช้ I can’t stand learning English (ทนไม่ไหว ไม่ชอบมาก)
Learning English drives me crazy. (ถึงขั้นทำให้บ้า 555)
I am sick of/ I am tired of learning English (ถึงขั้นป่วยหรือเพลียกับมันเลย)
Learning English is not my thing.
จำไปใช้กันด้วยนะจ๊ะ และอย่าลืมนะว่า ถ้ามี verb สองตัวติดกัน ตัวที่สองต้องเติม –ing
เช่น I enjoy learning English. คำว่า enjoy เป็น verb ตัวแรก ตัวที่สอง learning ต้องเติม –ing ค่ะ

ลองบอกแบบแตกต่าง

เวลาชาวต่างชาติพูดกับเรา รัวๆ อัดไม่ยั้ง จนเรานี่เอ๋อไปเลย ไม่เข้าใจ ไม่เก็ทที่เค้ากำลังพูด แล้วจะตอบอย่างไรได้บ้างนอกจาก I don't understand. ซึ่งอาจจะตรงหรือห้วนเกินไป ลองนี่เลย 
Sorry, I 'm afraid I don't get your idea. ขอโทษค่ะ ฉันเกรงว่า ฉันไม่เข้าใจความคิดของคุณ
Sorry, I can't follow what you are saying to me. ขอโทษที่ฉันตามสิ่งที่คุณพูดไม่ทัน
I'm a bit confused. Do you my explaining it again. เอ่อ งงนิดหน่อยอ่ะคะ ช่วยอธิบายอีกรอบได้ไหมคะ หรือ Can you please explain it a little more? ช่วยอธิบายเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม
I'm not sure I understand what you mean? ฉันไม่แน่ในว่าคุณหมายถึงอะไร
อย่าลืมไปฝึกดูนะคะ

"like"

คำว่า like ในภาษาอังกฤษนั้น ไม่ได้หมายถึง "ชอบ" เท่านั้นนะคะ แต่ยังมีความหมายอื่น ได้แก่
- like = เหมือน He is like his father. เขาเหมือนพ่อ เวลา like แปลว่า เหมือน จะวางตามหลัง กริยา หรือ verb to be ค่ะ
- like = แบบ Don't do like that! อย่าทำแบบนั้น
และถ้าบอกว่า ..would like to.. อันนี้แปลว่า อยากหรือต้องการ (สุภาพกว่า want to ) เช่น I would like to study English. แปลว่าฉันอยากจะเรียนภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำให้สำเร็จ วันนี้มีเทคนิคเจ๋งๆมาฝาก

อาเทคนิคฝึกการพูดภาษาอังกฤษมาฝากอีกเช่นเคยค่ะ
วันนี้เลือกมาจากบทความ 10 secrets of success for English speakers จากenglishtown.com ค่ะ
Do you get tongue-tied when you try to talk in English? Want to know how to get more speaking confidence? Even the best English speakers had to start somewhere, so read on to learn the secrets of their success.
เวลาจะพูดภาษาอังกฤษทีไร รู้สึกว่าลิ้นแข็ง หรือพูดไม่ออกกันบ้างไหมคะ ทำอย่างไรจึงจะมีความมั่นใจมากขึ้น ..แม่แต่นักพูด(ภาษาอังกฤษ)ที่เก่งที่สุด ยังต้องเริ่มจากจุดใดจุดหนึ่ง แล้วพัฒนาตัวเองจนเก่ง เรามาอ่านความลับของความสำเร็จกันเลย
Putting the pieces together
To speak English well, a number of different elements need to work together: knowing (and choosing) suitable vocabulary, using the right grammar and sentence patterns, and producing the correct sounds, stress patterns, rhythm and intonation. You have to work on these individual elements if you want to see improvements.
เก็บทุกรายละเอียดเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกันทั้งคำศัพท์ หลักไวยากรณ์ และการออกเสียง คือ ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง + โครงสร้างประโยค (ซึ่งตามปกติเราเรียนกันอยู่แล้วในโรงเรียนหรือสถาบันต่างๆ และมีหนังสือ English Grammar มากมายตามท้องตลาด) เท่านั้นยังไม่พอสิ่งสำคัญเลยก็คือ เรียนการออกเสียงที่ถูกต้อง stress หรือเน้นจังหวะหนักเบาให้ถูกต้อง (ในจุดนี้ application พจนานุกรมภาษาอังกฤษในมือถือช่วยคุณได้ เพราะมีการออกเสียงคำที่คุณกำลังค้นหาให้ฟัง เราก็สังเกตว่าต้อง stress ที่พยางค์ไหนนั่นเอง)
Check that the other person is following, by using expressions like You know what I mean? or Don't you agree?
อย่าลืมเช็คด้วยว่า ชาวต่างชาติที่เรากำลังคุยด้วย เขาเข้าใจเราแค่ไหน โดยใช้สำนวน เช่น You know what I mean? เข้าใจที่ฉันพูดไหม or Don't you agree? เห็นด้วยไหม จำสำนวนไปใช้นะคะ **อย่าแปลตรงๆจากไทยเป็นอังกฤษเด็ดขาด
It's not just what you say...
Non-verbal communication is very important for effective speaking, even for native English speakers. Use gestures, body language and facial expressions for explanation or emphasis, and try to read what the other person's body language is saying.
ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่คุณพูด แต่อวัจนภาษาหรือหน้าตาท่าทางของคุณก็สำคัญค่ะ ใช้ "body language and facial expressions" ช่วยในการเน้นหรืออธิบายค่ะ ทำเลียนแบบฝรั่งไปเลย
Sing a song!
Music is a great way to improve your speaking skills, practice the rhythm of the language and learn some useful expressions. Look up the lyrics (song words) to your favorite songs on the Internet, and then practicing singing aloud.
เพลงสากลที่เราชอบนี่แหละค่ะ ฟังคลิปในยูทูปแล้วดู lyric (เนื้อร้อง) ไปด้วย ซึ่งhelpful สุดๆ โดยเฉพาะเรื่องของสำนวนต่างๆ
Take a chance!
You need the right attitude to improve your English. Look for every opportunity to practice speaking, like talking to people at parties, approaching a foreigner who looks lost, or just putting up your hand when your teacher asks a question.
หาโอกาสค่ะ โอกาสอยู่รอบตัวไม่ใช่แค่ในห้องเรียน (แค่อยู่ที่บ้านแล้ว add Skype เพื่อนต่างชาติเจ้าของภาษาสักคนเอาไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนภาษากันก็เวิร์คนะคะ)
Think in English every day.
This is a great way to improve your spoken English, and you can do it anywhere, anytime. At home, you can talk to yourself while doing everyday tasks like preparing a meal. If you are on the train or bus, then describe the people around you (in your head, not aloud!), and when you go to sleep, go over the day's events in English.
ฝึกพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ คือคิดและพูดกับตัวเองอยู่ในหัวเสมอ เช่น แทนที่จะคิดว่า ทำไงดีวะ ก็ถามตัวเองว่า What would I do? แทน
ดูหนังเจ๋งๆ แล้วแทนที่จะอุทานว่า เฮ่ย สุดยอด ก็อุทานว่า Wow! It's awesome! แทนละกัน
Listen to the sound of your own voice.
Even though you might not like hearing your own voice, this is a very useful way to find out what's wrong with your spoken English. Record yourself speaking and then listen to the tape, or ask a native speaker for some advice.
ลองอัดเสียงพูดของตัวเองไว้บ้าง (ถึงแม้จะไม่อยากฟังก็ตาม) เวลาฟังแล้วจะได้รู้ข้อผิดพลาดแล้วนำมาแก้ไข ถามเจ้าของภาษาเพื่อขอคำแนะนำ แล้วได้เห็นพัฒนาการของตัวเองด้วย (วิธีนี้ลองมาแล้วเวิร์คจริงๆ)
Find English-speaking friends.
If you are really serious about becoming a good English speaker, you need to meet people you can speak to in English. This does NOT only mean native-speakers, though. English is spoken by many more people as a second language than as a native language, and being able to understand different accents is very important.
หาเพื่อนที่พูดอังกฤษจากหลายๆประเทศ เพื่อสร้างความเคยชินกับสำเนียงที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ ข้อนี้สนุกค่ะ แม่แต่เจ้าของภาษา อังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ยังมีสำเนียงที่แตกต่างกันมาก ลองฝึกฟังหลายๆสำเนียงดูค่ะ
ทำตารางการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองกันไว้หรือยังคะ

อย่าแปลตรงๆจากไทยไปอังกฤษเด็ดขาด

เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองให้สนุก ก็ต้องเรียนจากสิ่งที่ชอบเช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลงหรือ อ่านนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจ เพื่อปรับปรุงทักษะการฟัง การออกเสียง และการอ่านจับใจความ
"Watch movies, listen to music, sing songs, and browse newspapers and magazines. It’s fun and helps improve your pronunciation and comprehension."
บางคนทักษะการฟังและการอ่านค่อนข้างโอเคแล้ว แต่แหม..เวลาจะพูดทีไรพูดไม่ถูก เทคนิคที่สำคัญเลยค่ะ คือ..
Don’t translate literally from your native tongue. !!
อย่าแปลตรงๆ จากภาษาไทย ไปอังกฤษ อย่าคิดเป็นภาษาไทยค่ะ
"Sentence constructions are particular to each language and generally can not be translated into English directly from another language. While on some occasions what you are saying might not be wrong, to a native speaker it might not sound right."
แต่ละภาษาในโลกนั้นมีระบบต่างกัน เราจึงไม่สามารถแปลเป็นคำๆหรือแปลตรงๆจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งได้
เช่น คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้ไหมคะ = You help open light ok?
โอ๊ยยยย ไปกันใหญ่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลาเรียน ต้องเรียนเป็นประโยคหรือสำนวนไปเลย เช่น เวลาขอความช่วยเหลือ ก็จำสำนวนไปเลยว่า
Could you please .+กริยา +(กรรม) หรือสิ่งที่เราต้องการให้เขาช่วย......?
คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้ไหมคะ = Could you please turn on the light?
(ไม่ต้องถึงขั้น You know me a little go ! มรึงรู้จักกรูน้อยไปนะคะ )
เหมือนกับเวลาที่ฝรั่งพูดไทย แบบแปลตรงๆจากภาษาอังกฤษ มาเป็นไทยเช่น
Can you help me? ได้คุณช่วยผม? คนไทยงงกันเลยทีเดียว

เทคนิคการจำคำศัพท์2

วิธีการจำคำศัพท์อีกแบบหนึ่งซึ่งยากขึ้นมาหน่อย และเหมาะกับการจำไปทำข้อสอบ คือ
- จดคำศัพท์ให้เป็นระเบียบ และควรจดหน้าที่ของคำ (part of speech) กำกับไว้ด้วยค่ะ
เช่น improve (v) ปรับปรุง
important (adj) สำคัญ
- จดคำศัพท์ที่เขียนคล้ายกัน ไว้ด้วยกัน เพื่อป้องกันการสับสน เช่น
accept (v.) = ยอมรับ
expect (v.) = คาดหวัง
except (prep.) = ยกเว้น
- แบบต่อมาก็เวิร์คสุดๆ คือเขียนคำศัพท์และเขียนประโยคตัวอย่างที่มีคำเหล่านั้นอยู่ด้วยเลย เพื่อนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เชื่อเถอะค่ะว่าเรียนจากประโยคได้ผลกว่าท่องศัพท์เป็นคำๆ เพราะถึงเวลาที่ต้องพูดออกมา มันจะออกมาง่ายและไหลลื่นกว่า เช่น
1. important (adj) สำคัญ
You are the most important person of us all.
One of the most important things you have to do right now is to learn English.
2. improve (v) ปรับปรุง ทำให้ดีขึ้น
You must endeavor (พยายาม) to improve your English.

เทคนิคการจำคำศัพท์ 1

เทคนิคการเรียนคำศัพท์ด้วยตัวเองที่เวิร์คมากๆเลยคือ จำเป็นกลุ่ม! กลุ่มที่มีความหมายเหมือนหรือคล้ายกันนั่นเอง( synonyms) เช่น
destroy, damage, ruin = ทำลาย
fix, repair, restore = ซ่อมแซ่ม
answer, reply, response = ตอบ
large, big, huge, enormous = ใหญ่
little, small, petite, tiny = เล็ก
vacant, empty, unoccupied, free, available = ว่าง
make, build, create, construct = ทำ/สร้างขึ้นมา
city,town, metropolis = เมือง
junk,rubbish, waste, scrap = ขยะ
injure, harm, wound = บาดเจ็บ


และนอกจากเทคนิคการท่องศัพท์แบบที่มีความหมายเหมือนกันเป็นกลุ่มแล้ว อีกเทคนิคหนึ่งคือ จำคำศัพท์เป็นคู่ตรงกันข้ามกันไปเลยก็เวิร์คนะคะ ตัวอย่าง
above ข้างบน below ด้านล่าง
accept ยอมรับ refuse ปฏิเสธ
accidental โดยบังเอิญ intentional โดยเจตนา
approximately โดยประมาณ exactly อย่างแน่นอน
arrival การมาถึง departure การออกเดินทาง
beginning การเริ่มต้น ending การสิ้นสุด
complicated ซับซ้อน simple เรียบง่าย
compliment คำชมเชย insult คำดูถูก
construction การก่อสร้าง destruction การทำลาย
empty ว่างเปล่า full เต็ม
failure ความล้มเหลว success ความสำเร็จ
horizontal แนวนอน vertical แนวตั้ง
liquid ของเหลว solid ของแข็ง
maximum มากสุด minimum น้อยสุด
ordinary ธรรมดาสามัญ special พิเศษ
private ส่วนตัว public ส่วนรวม,สาธารณะ
protect ป้องกัน attack โจมตี
winner ผู้ชนะ loser ผู้พ่ายแพ้
wealthy ร่ำรวย poor ยากจน
useful มีประโยชน์ useless ไร้ประโยชน์



วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

ต้องฝึกอย่างไรจึงจะได้ผล


อ่านเจอบทความเกี่ยวกับหลักการพูดอังกฤษ เป็นประโยชน์มากๆลองอ่านดูนะคะ (ตัดตอนมาให้ดังนี้ค่ะ)
1. Don't study grammar too much
"Studying grammar will only slow you down and confuse you. You will think about the rules when creating sentences instead of naturally saying a sentence like a native."
การเรียนไวยากรณ์มากไป อาจทำให้ทักษะการพูดของเราพัฒนาช้า เพราะเวลาพูดอาจจะสับสน กังวล คิดมาก ว่าจะต้องสร้างประโยคที่ถูกเป๊ะตามหลักไวยากรณ์ แทนที่จะพูดไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
2. Learn and study phrases
"If you know 1000 words, you might not be able to say one correct sentence. But if you know 1 phrase, you can make hundreds of correct sentences."
ถ้าเรียนคำศัพท์ 1000 คำ ก็อาจจะพูดประโยคที่ถูกต้องไม่ได้ แต่ถ้าเรียนเป็นประโยค หรือสำนวน เราก็สามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้เป็นร้อยๆประโยค เพราะฉะนั้นเริ่มฝึกจากสำนวนประโยคไปเลย
3. Don't translate
"When you want to create an English sentence, do not translate the words from your Mother tongue. The order of words is probably completely different."
อย่าแปลตรงๆจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ระบบหรือการจัดเรียงคำในประโยคมันต่างกันค่ะ
4. Reading and Listening is NOT enough. Practice Speaking what you hear!
"Speaking is the only requirement to be fluent. It is normal for babies and children to learn speaking first, become fluent, then start reading, then writing."
มีแต่การฝึกพูดเท่านั้นที่จะทำให้พูดคล่อง เหมือนกับเด็กๆไงล่ะคะ เรียนรู้ที่จะพูดก่อนอ่านและเขียน นั่นเป็นธรรมชาติของการเรียนภาษาค่ะ เทคนิคที่เวิร์คมากๆคือการฟังแล้วพูดเลียนแบบเจ้าของภาษาค่ะ
5. Submerge yourself
"Being able to speak a language is not related to how smart you are. Anyone can learn how to speak any language. This is a proven fact by everyone in the world. Everyone can speak at least one language. Whether you are intelligent, or lacking some brain power, you are able to speak one language. "
ข้อสุดท้ายสำคัญมากค่ะ อย่าดูถูกตัวเอง หรือประเมินตัวเองต่ำเด็ดขาด การพูดภาษาใดภาษาหนึ่งได้ไม่เกี่ยวกับโง่หรือฉลาดค่ะ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองค่ะ
6. Study correct material
"A common phrase that is incorrect is, "Practice makes perfect." This is far from the truth. Practice only makes what you are practicing permanent. If you practice the incorrect sentence, you will have perfected saying the sentence incorrectly."
มีสำนวนบอกว่า ยิ่งฝึกยิ่งเก่ง แต่ถ้าเราฝึกแบบผิดๆล่ะ เรากะจะจำรูปแบบการพูดที่ไม่ถูกต้องมาใช้จนเก่ง
"..study English material that you can trust, that is commonly used, and that is correct."
เพราะฉะนั้น ต้องเรียนรู้จากสื่อหรือฝึกฝนกับเพื่อนต่างชาติที่เชื่อถือได้ ยิ่งเป็นของเจ้าของภาษาจริงๆยิ่งดีเลยค่ะ
ที่มา talkenglish.com ค่ะ

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

ทัศนคติหรือมุมมองที่คุณมีต่อภาษาอังกฤษจะเป็นตัวตัดสินความก้าวหน้าในการเรียนของคุณ

Learning English takes time and patience.
การเรียนภาษาอังกฤษนั้นต้องใช้เวลาและความอดทน
It cannot be rushed.
เราไม่สามารถเร่งรัดได้
Try to relax..
พยายามผ่อนคลาย
The most important thing you need at the beginning is a good vocabulary.
สิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มเรียนคือคำศัพท์
For without words, you have nothing to work with.
ถ้าเราไม่รู้คำศัพท์จะทำอะไรได้
It must become a part of your everyday life.
มันต้องเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคุณ
Daily practice is very important.
ดั้งนั้นการฝึกประจำวันนั้นสำคัญมาก
You must start with a strong foundation or base and slowly build on it, day by day!
คุณต้องเริ่มด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และค่อยๆสร้างมันขึ้นมาช้าๆ วันต่อวัน
Your attitude to English and the way you view it will decide how well you progress.
ทัศนคติหรือมุมมองที่คุณมีต่อภาษาอังกฤษจะเป็นตัวตัดสินความก้าวหน้าในการเรียนของคุณ
Just as we say in English.. “No Pain, No gain”
เหมือนที่ภาษาอังกฤษบอกว่า หากไม่ใช้ความพยายามแล้ว ก็ย่อมไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ
Do not worry about making mistakes.
อย่ากังวลว่าจะพูดผิด
In fact the more mistakes you make, the more you will learn from them.
ในความเป็นจริง ยิ่งผิดมากก็ยิ่งทำให้เรียนรู้มากจากความผิดพลาดเหล่านั้น
Just like learning to ride a bike. Sometimes you fall off, so what do you do?
เหมือนกับเวลาคุณเรียนรู้ที่จะปั่นจักรยาน...เวลาล้มแล้วทำอย่างไรล่ะ
You get back on and try again.
คุณก็ลุกขึ้นมาพยายามใหม่ไงล่ะ
Practice English every day and be confident.
ฝึกภาษาอังกฤษทุกวันและที่สำคัญต้องมั่นใจ!
You will find that the more you use English the better your English will become.
แล้วคุณจะพบว่า ยิ่งใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
And the more confident you become, the more you will want to use it.
และยิ่งคุณมีความมั่นใจมากเท่าไหร่ จะทำให้คุณอยากใช้มันมากเท่านั้น

5 Inspirational Quotes for English Language Learners

หาแรงบันดาลใจให้กับการเรียนภาษาต่างประเทศกันจาก Quotes.. หรือวลีเด็ดๆ 
5 Inspirational Quotes for English Language Learners
1. ”Language is the dress of thought.” 
‒ Samuel Johnson 
นั่นสื่อถึงภาษาคืออาภรณ์หรือเครื่องประดับทางความคิด คนที่เก่งภาษาย่อมเก่งในเรื่องของการสื่อความคิดของตนให้ผู้อื่นเข้าใจ
2. “We breathe in our first language, and swim in our second.” 
‒Adam Gopnik
เปรียบภาษาแม่คือการหายใจ เราหายใจเป็นตั้งแต่เกิด และภาษาที่สองเปรียบเสมือนการว่ายน้ำ ต้องเริ่มจากการเรียนรู้ ฝึกฝน (และมันช่วยชีวิตเราได้ในยามวิกฤติ..)
3. “Change your language and you change your thoughts.”
‒ Karl Albrecht
ลองเรียนรู้ภาษาอื่นๆ แล้วจะพบว่าความคิดของคุณจะเปลี่ยนไป โลกทัศน์ของคุณจะกว้างขึ้น
4. “If you talk to a man in a language he understands, that goes to his head. If you talk to him in his language, that goes to his heart.” ‒ Nelson Mandela
ถ้าคุณพูดภาษาที่เขาเข้าใจ มันก็จะเข้าไปในหัวของเขา แต่หากคุณพูดภาษาของเขา มันจะเข้าไปในหัวใจของเขา
5. “Those who know nothing of foreign languages know nothing of their own.” ‒ Johann Wolfgang von Goethe
ผู้ที่ไม่รู้ภาษาต่างประเทศเลย ก็ย่อมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วภาษาของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรเช่นกัน (ไม่เคยเปรียบเทียบหรือลองสังเกตความเหมือนและความต่างของภาษาตัวเองกับภาษาอื่น)